top of page

อยากไปเรียนอังกฤษต้องเริ่มต้นอย่างไร

อัปเดตเมื่อ 14 มี.ค.



ตอนนี้สถานการณ์โควิดที่อังกฤษค่อนข้างผ่อนคลายลงผู้คนเริ่มไม่ต้องใส่หน้ากากกันแล้วค่ะ ปี 2022 นี้จึงเป็นปีทองสำหรับนักเรียนไทยที่จะกลับไปเรียนปริญญาโทกัน หรือมีหลายคนเริ่มมองเห็นโอกาสการมาเรียนที่อังกฤษ วันนี้พี่ ๆ BACCOM เลยจะมาอัพเดทขั้นตอนการเตรียมตัวสำหรับการเริ่มสมัครเรียนปริญญาโทมาฝาก เพื่อให้น้องๆ มีเอกสารข้อมูลครบถ้วนและสมัครเข้าเรียนทันตามภาคเรียนของเดือนกันยายนในปี 2022 นี้กันค่ะ


1. ศึกษาข้อมูลของคณะและมหาวิทยาลัยที่ต้องการไปเรียนต่อ


การมาเรียนที่สหราชอาณาจักร และประเทศอังกฤษ ถือเป็นโอกาสที่ดีของน้อง ๆ ที่จะได้เรียนรู้ทักษะ มุมมองใหม่ ๆ และเพิ่มความมั่นใจเพื่อเติมเต็มศักยภาพ ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าน้องๆได้เลือกหลักสูตรที่เหมาะกับสิ่งที่น้องต้องการ วิธีที่ดีที่สุด คือ อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำการเปรียบเทียบ 2-3 มหาวิทยาลัย และลองหาศิษย์เก่าที่เรียนแต่ละคณะเพื่อสอบถามข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นค่ะ


สิ่งสำคัญ คือ ต้องตรวจสอบข้อกำหนดในการเข้าหลักสูตรนั้น ๆ ว่าน้อง ๆ เข้าเกณฑ์ที่หลักสูตรกำหนดไว้หรือไม่ เช่น รับเฉพาะนักเรียนที่จบหลักสูตรการตลาดเท่านั้น หรือ ต้องมีคะแนนไอเอลไม่ต่ำว่า 7 ดังนั้น น้อง ๆ อย่าตรวจรายละเอียดอย่างครบถ้วน เพื่อให้เราเตรียมตัวได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้นะคะ


2. เตรียมสอบไอเอล


สำหรับน้อง ๆ ที่ยังไม่มีคะแนนสอบไอเอล การเผื่อเวลาในการเตรียมสอบเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก เพราะนักเรียนบางคนต้องสอบไอเอลมากกว่า 1 ครั้ง เพื่อได้คะแนนตรงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด ซึ่งในช่วงเวลาโควิดแบบนี้ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่าง ๆ อยู่เสมอ น้อง ๆ จะต้องตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงเผื่อระยะเวลาด้านเอกสารให้ดี เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจ จะได้ไม่ต้องมานั่งคอยลุ้น คอยกังวลค่ะ


สำหรับคนที่เตรียมอ่านหนังสือไอเอลด้วยตัวเอง ก็จะมีเว็บไซต์ที่เหมาะในการฝึกทดสอบไอเอลมากมายเลยค่ะ เช่น เว็บไซต์ IELTS Buddy (https://www.ieltsbuddy.com/) ที่มีตัวอย่างข้อสอบ writing เหมือนกับข้อสอบจริงมาให้เราลองทดสอบกันเลย อีกเว็บไซต์ คือ Ielts ที่จัดทำโดย British Council (https://takeielts.britishcouncil.org/take-ielts/prepare) เหมาะมากๆสำหรับน้องที่ต้องการหัดฟัง Listening เพราะมีบททดสอบให้เลือกมากมายค่ะ


3. เตรียมเอกสารสำหรับการสมัครเรียนให้ครบถ้วน


ทางมหาวิทยาลัยจะให้น้อง ๆ ยื่นเอกสารสำคัญเพื่อใช้ในการสมัครเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ซึ่งเอกสารบางส่วน จต้องเป็นเอกสารที่ได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยที่น้องเคยศึกษาอยู่อย่างเป็นทางการ และเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ


เอกสารที่ควรจะต้องเตรียมมีดังนี้

  • Transcript เอกสารผลการผลการเรียนในปริญญาตรี (Official จากมหาวิทยาลัย)

  • Graduation Certificate ใบรับรองจบการศึกษา (Official จากมหาวิทยาลัย)

  • Letters of Recommendation จดหมายแนะนำจากอาจารย์ หรือจากที่ทำงาน อย่างน้อย 2 ฉบับ

  • Curriculum Vitae หรือ Resume


4. เขียนเอกสารแนะนำตัวเองเพื่อเตรียมยื่นสมัครเรียน


สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เอกสารแนะนำตัวเอง หรือ Statement of Purpose (SOP) นั่นเองค่ะ SOP นี้จะเป็นเอกสารเหมือนจดหมายแนะนำตัวเพื่อให้ทางมหาวิทยาลัยรู้จักเรามากขึ้น และเป็นการสร้างความประทับใจกับทางมหาวิทยาลัย เพราะนอกเหนือจากเกรด และข้อกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว SOP เป็นโอกาสของน้อง ๆ ที่จะบอกเล่าถึงความเป็นตัวเอง และสร้างความโดดเด่นเหนือผู้สมัครเรียนคนอื่น ๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นน้อง ๆ จะต้องเผื่อเวลาเพื่อทุ่มเทในเขียน SOP ให้ชนะใจมหาวิทยาลัยด้วยนะคะ (เพราะ SOP นี้ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่เวลาเขียนจริงใช้เวลานานพอสมควรเลยค่ะ กว่าจะคราฟท์และปรับออกมาให้สมบูรณ์ที่สุดได้)


เทคนิคการเขียน SOP

ปกติแล้วการเขียน SOP ควรอยู่ระหว่าง 800-1200 ข้อความ โดยเสนอข้อมูลตัวเราอย่างชัดเจน สอดคล้องกัน และควรเขียนเป็นลำดับ เช่น เริ่มจากปัจจุบัน และย้อนกลับไปยังสิ่งที่น้องๆเคยทำในอดีต

ทั้งนี้โครงสร้างของ SOP ควรแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ จุดเริ่มต้น (บทนำ) ตรงกลาง (เนื้อหา) และจุดสิ้นสุด (บทสรุป)


  1. บทนำ ต้องน่าสนใจเพื่อที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านอ่านในการอ่านต่อเนื่องไปยังส่วนเนื้อหา ต้องดึงดูดความสนใจของผู้อ่านด้วยคำเปิด/ประโยคเปิดที่ดีและติดหู

  2. เนื้อหา ส่วนนี้จะต้องเกี่ยวกับเป้าหมายของน้อง ๆ หรือวัตถุประสงค์ของการเรียน เช่น เรียนเลือกสายในอาชีพใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการทำงาน หรือเพื่อต่อยอดสิ่งที่ศึกษาก่อนมาหน้านี้ โดยต้องอธิบายให้ชัดเจนว่า > เพราะอะไร ? น้อง ๆ จึงเลือกมหาวิทยาลัยและหลักสูตรนี้โดยเฉพาะ ไม่สามารถเป็นหลักสูตรอื่น หรือเป็นมหาวิทยาลัยอื่นได้ > หลักสูตรนี้จะช่วยให้น้อง ๆ บรรลุวัตถุประสงค์ของน้อง ๆ ได้ยังไง รวมถึงการบอกเล่าเรื่องราวที่น้อง ๆ สนใจ และงานอดิเรกที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เช่น กีฬา วรรณกรรม ดนตรี หรือ การดูแลสิ่งแวดล้อมก็ได้ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจเกี่ยวกับตัวน้อง ๆ ด้วยก็ได้ค่ะ

  3. บทสรุป นี่คือคำปิด/ย่อหน้าที่น้องจะสรุปให้เห็นถึงความปรารถนา หรือความต้องการที่จะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนี้ และแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำความรู้ที่ได้จากหลักสูตรนี้ไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต

5. สมัครเรียน


ถ้าน้อง ๆ ทำตามทั้ง 4 ข้อนี้ครบถ้วน และตรงตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว ก็สมัครเรียนกันได้เลยค่ะ ทั้งนี้ ลองเลือกสมัครหลักสูตรและมหาวิทยาลัยที่ต้องการไว้สัก 3-5 มหาวิทยาลัยนะคะ เพราะแต่ละมหาวิทยาลัยจะก็มีเกณฑ์ตอบรับที่แตกต่างกันขึ้นกับจำนวนผู้สมัครในปีนั้น ๆ ด้วย (บางมหาวิทยาลัยจะแคร์เรื่อง Diversity และจะมี Quota ของแต่ละทวีปหรือแต่ละประเทศด้วยค่ะ) แถมและช่วงเวลาในการรอ offer ของแต่ละมหาวิทยาลัยก็ไม่เท่ากันด้วยเช่นกัน บางที่ยาวนานถึง 3 เดือนก็มีค่ะ

ดังนั้นในช่วงระหว่างที่รอ offer จากมหาวิทยาลัย อยากให้น้อง ๆ ลองศึกษาเรื่องค่าครองชีพ การเดินทาง บรรยากาศของแต่ละเมืองที่น้อง ๆ ต้องไปอาศัยอยู่เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมในการตัดสินใจด้วยนะคะ และที่สำคัญที่สุด คือ เรื่องที่พัก เพราะห้องพักที่น้อง ๆ ต้องอยู่ตลอดปีการศึกษา ต้องปลอดภัย เดินทางสะดวก อยู่แล้วรู้สึกสบายไม่อุดอู้ เมื่อน้อง ๆ ได้รับ Unconditional Offer จากมหาวิทยาลัยเรียบร้อย จะได้มีเวลาลุยหาที่พักให้ตรงใจ ตรงกับบุคลิกและการใช้ชีวิตไลฟสไตล์ของน้อง ๆ ได้เลยค่ะ


แม้การเลือกหาที่พักที่ตรงใจน้องอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พี่ ๆ BACCOM จะช่วยแนะนำน้อง ๆ ให้เจอที่พักที่ช่วยเติมพลังการใช้ชีวิตที่อังกฤษได้อย่างเต็มที่ตามที่หวังไว้ค่ะ ติดต่อพี่ ๆ BACCOM เข้ามาได้เลยนะคะ เราพร้อมดูแล เพื่อให้ทุกคนหมดห่วงเรื่องที่พักไม่ตรงปก เพราะพี่ ๆ จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เหมือนน้อง ๆ เป็นคนในครอบครัวเลยค่ะ 😊



🏡 เรื่องที่พักในอังกฤษให้ BACCOM ดูแล 🇬🇧 ครบทุกบริการที่ต้องการ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย 💕

💚 LINE ID : @‌baccomuk

💙 Facebook : BACCOM UK

❤️ Youtube: BACCOM UK

📩 Email: hello@baccom.co.uk

☎️ UK Call : +44 7400 902 392

☎️ TH Call : +66 62 656 9422

🔗 ดูบริการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่

Comments


bottom of page